พิลาทิสคือการออกกำลังกายที่เกิดความนิยมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว การออกกำลังกายลักษณะนี้มีความคล้ายกับการเล่นโยคะในหลายๆเรื่อง ถ้ายังสงสัยว่าทั้งสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร บทความนี้จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
บทความนี้ไม่ได้ต้องการที่จะเปรียบเทียบว่าระหว่างโยคะ กับพิลาทิสอันไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองแบบให้ประโยชน์เหมือนกันและอาจจะเล่นไปควบคู่กันได้เพื่อประโยชน์สูงสุด แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีเวลาพอที่จะเล่นทั้งสองอย่าง เราเลยจะนำเสนอความแตกต่าง และประโยชน์เปรียบเทียบที่ได้รับจากการออกกำลังกายทั้งสองประเภทนี้ เพื่อให้คนอ่านได้ตัดสินใจได้ว่าแบบไหนเหมาะกับตนเองมากกว่าทั้งเรื่องเวลา การเงิน และสถานที่
สิ่งที่เราจะได้จากการออกกำลังกายทั้งสองประเภทเหมือนกันคือ ความแข็งแรง ความสมดุล และความยืดหยุ่นของร่างกาย และแม้ว่าการออกกำลังกายแบบโยคะจะให้ผลดีทางด้านจิตใจเป็นหลัก แต่พิลาทิสเองก็มีการออกกำลังกายที่ต้องเน้นการหายใจเหมือนกัน ทำให้ทั้งการออกกำลังกายทั้งสองประเภทได้รับประโยชน์ทั้งทางการฝึกร่างกาย และจิตใจ แต่เพื่อความชัดเจนเราจะมาแยกให้ดูเป็นข้อๆว่าโยคะกับพิลาทิสต่างกันอย่างไรบ้าง
ความแตกต่างระหว่างโยคะกับพิลาทิส
1.การโฟกัส
–โยคะ ฝึกเน้นที่จิตใจให้สงบนิ่ง ท่าทางการเคลื่อนไหวจะสอดคล้องไปกับจิตใจโดยใช้ลมหายใจเป็นตัวเชื่อมโยง เกิดความผ่อนคลาย
–พิลาทิส เน้นโฟกัสที่แกนกลางของร่างกาย ลมหายใจเป็นเหมือนตัวส่งให้ออกกำลังกายได้ดีขึ้น
2.จุดที่มุ่งเน้น
–โยคะ เน้นจิตใจ สามารถบำบัดความเครียด ลดความกังวลได้อย่างดี
–พิลาทิส เน้นที่ร่างกาย สามารถบำบัดร่างกายที่เกิดจากอาการบาดเจ็บ หรือปวดเมื่อยจากการใช้ชีวิตประจำวัน
3.สิ่งที่ต้องใช้
–โยคะ โฟกัสที่การขยับท่าทาง การลงน้ำหนักในแต่ละส่วน การกำหนดลมหายใจ และใช้ร่วมกับอุปกรณ์ง่ายๆ
–พิลาทิส โฟกัสที่การเคลื่อนไหวร่างกายร่วมกับการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ
4.หลักสำคัญ
–โยคะ เน้นการสร้างความยืดหยุ่น การทำสมาธิ บำบัดร่างกายไปพร้อมกับจิตใจ
–พิลาทิส เน้นความแข็งแรงของแกนกลางร่างกาย การคุมจังหวะ
5.พื้นที่ในการเล่น
–โยคะ ใช้พื้นที่น้อย อุปกรณ์มีไม่มาก เล่นที่ไหนก็ได้
–พิลาทิส มีตั้งแต่ระดับต้นที่ใช้พื้นที่ในการเล่นน้อย ไปจนถึงระดับสูงที่ใช้พื้นที่และมีอุปกรณ์ในการเล่นมี่หลากหลาย
6.ความชำนาญที่ต้องมี
–โยคะ ต้องมีความชำนาญและครูฝึกควบคุมเพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุด
–พิลาทิส สามารถศึกษาท่าทางง่ายๆได้ด้วยตัวเองแต่ในระดับสูงต้องมีครูฝึกเช่นเดียวกัน
7.ค่าใช้จ่าย
–โยคะ อุปกรณ์น้อย อาจมีค่าครูฝึกเบื้องต้นเพื่อสอนหลักการทีถูกต้อง
–พิลาทิส อุปกรณ์หลากหลาย แต่ก็มีอุปกรณ์ง่าย ๆ ที่ใช้เล่นเบื้องต้นได้ และต้องอาจจะต้องเรียนกับครูฝึกเบื้องต้นเช่นกัน
ประโยชน์ที่ได้รับระหว่างโยคะกับพิลาทิส
1.ประโยชน์ในทางผ่อนคลาย
–โยคะ มีการปฏิบัติคล้ายการทำสมาธิตลอดเวลา มีผลโดยตรงต่อจิตใจ ได้รับความผ่อนคลายทางใจในระดับสูง
–พิลาทิส มีการควบคุมการหายใจตลอดเวลาแต่ไม่ได้ทำสมาธิในระดับลึกเท่าโยคะ แต่ก็ได้รับความผ่อนคลายเช่นกัน
2.ประโยชน์ต่อความแข็งแรง และรูปร่าง
–โยคะ เน้นการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ ทำให้ได้ความอดทนเป็นหลัก
–พิลาทิส เน้นการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ความแข็งแรงทางร่างกาย ทำให้ได้รูปร่างที่ดีเป็นของแถม
3.ประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย
–โยคะ ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการฟื้นฟูร่างกายโดยตรง การฝึกจะทำให้ได้ประโยชน์ในการจัดการจิตใจต่อความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บมากกว่า
–พิลาทิส ถูกออกแบบโดยตรงเพื่อการฟื้นฟูร่างกาย ทำให้ได้ผลดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายร่วมกับอุปกรณ์พิลาทิสต่างๆ
4.ประโยชน์ต่อความยืดหยุ่นของร่างกาย
–โยคะ มีผลต่อการพัฒนาความยืดหยุ่นของร่างกายในระดับที่สูงมากแต่ก็ต้องอดทนต่อการฝึกหนักเช่นกัน
–พิลาทิส ไม่ได้เน้นที่ความยืดหยุ่นของร่างกายจนผิดธรรมชาติ แต่จะเน้นการเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นกำลังดีเหมาะแก่การใช้งานในชีวิตประจำวัน
5.ประโยชน์ต่อระบบหัวใจ
–โยคะ โยคะบางประเภทสามารถเพิ่มการไหลเวียนเลือดได้ดีจนเหลือเชื่อเช่น โยคะร้อน
–พิลาทิส ไม่ได้เน้นการเพิ่มระดับการสูบฉีดเลือดเหมือนโยคะ แต่อุปกรณ์พิลาทิสบางประเภทเช่นเครื่องรีฟอร์เมอร์อาจจะทำให้เหงื่อออกได้เช่นกัน
สรุป
การออกกำลังกายทั้งสองประเภทให้ประโยชน์คล้ายกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราไม่สามารถบอกได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน แต่อาจจะต้องดูว่าเราเหมาะกับการออกกำลังกายแบบไหนมากกว่ากันโดยตัดสินจากข้อจำกัดของเราเอง และเป้าหมายการออกกำลังกายของเรา โดยถ้าคุณสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับพิลาทิสเพิ่มเติมก็สามารถสมัครรับจดหมายจากเราเพื่อจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการเล่นพิลาทิส และเรื่องสุขภาพต่าง ๆ ในโอกาสต่อไปนะคะ 🙂